บทความ

     งานด้าน กฎหมาย และ วิศวกรรม ดูเหมือนจะอยู่กันคนละขั้ว แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งสองสาขาอาชีพนี้มีความเกี่ยวพันและต้องพึ่งพาอาศัยกันอย่างลึกซึ้ง
ศาสตร์แห่งเหตุผล vs. ศาสตร์แห่งข้อบังคับ
     วิศวกรรม : คือศาสตร์แห่งการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อ ออกแบบ สร้าง และแก้ปัญหา ในโลกทางกายภาพ วิศวกรเน้นที่ความถูกต้องทางเทคนิค ความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ และประสิทธิภาพ (Efficiency)
            ตัวอย่าง : การออกแบบระบบดับเพลิง, ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้, การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
                                                                                            
      กฎหมาย : คือระบบของ กฎเกณฑ์และข้อบังคับ ที่ควบคุมพฤติกรรมของบุคคลและองค์กรในสังคม ทนายความและนักกฎหมายเน้นที่ความถูกต้องตามกฎหมาย ความยุติธรรม และการตีความข้อความ

จุดบรรจบที่สำคัญ
ความเชื่อมโยงที่น่าสนใจที่สุดคือการที่งานวิศวกรรมจำนวนมากต้อง อยู่ภายใต้กฎหมายและข้อบังคับ เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ ความเป็นธรรม และการรักษาสิ่งแวดล้อม
      กฎหมายควบคุมวิชาชีพ : พระราชบัญญัติวิศวกร กำหนดให้วิศวกรบางสาขาต้องมี ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (กว.) เพื่อรับรองความสามารถและความรับผิดชอบตามกฎหมาย
      กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงาน :
             งานวิศวกรรม : ต้องปฏิบัติตาม กฎหมายควบคุมอาคาร และผังเมือง พระราชบัญญัติโรงงาน และกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย กฎหมายไซเบอร์ และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)
ผู้เชี่ยวชาญคู่ขนาน
ในปัจจุบัน อาชีพที่ต้องใช้ความรู้ทั้งสองด้านกำลังเป็นที่ต้องการสูง เช่น :
       วิศวกรที่ปรึกษากฎหมาย (Legal Engineers) : วิศวกรที่มีความรู้กฎหมาย ช่วยในการทำสัญญาโครงการ การตรวจสอบตามกฎหมาย หรือให้การในศาลในคดีที่มีประเด็นทางเทคนิค
       นักกฎหมายเฉพาะทาง : ทนายความที่เชี่ยวชาญกฎหมายด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม หรือทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งต้องเข้าใจหลักการทางวิศวกรรมเพื่อทำคดีได้อย่างลึกซึ้ง
กล่าวโดยสรุป งานด้านกฎหมายคือ กรอบ ที่ช่วยให้งานวิศวกรรมซึ่งเป็น การสร้างสรรค์ สามารถดำเนินไปได้อย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบ และสร้างประโยชน์แก่สังคมโดยรวมได้อย่างยั่งยืน